Category ข่าวบันเทิง

แบคโฮ

“แบคโฮ” เสือขาวสุดคูล โชว์พลังเสียงโวคัลระดับท็อป ระเบิดความหวาน คว้าใจ “โดโน่ไทย” อยู่หมัด ใน 2023 BAEKHO MINI CONCERT IN BANGKOK

dOnO (โดโน่ ชื่อแฟนๆ ) คนประเทศไทย ได้ต้อนรับเดือนแห่งความรักก่อนใคร กับความสุขสุดพิเศษ ที่หวานล้ำมากกว่าน้ำผึ้งเดือนห้า จากเสือขาวสุดหล่อ แบคโฮ (BAEKHO) ในงาน “2023 BAEKHO MINI CONCERT < BAEKHoney DAY > IN BANGKOK” จัดขึ้น ณ ยูเนี่ยนฮอลล์ 2 ศูนย์การค้ายูเนี่ยนมอลล์ ในวันเสาร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา โดยผู้จัดฝีมือดีรับรองคุณภาพ D-SHOW THAILAND

โดยครั้งนี้เป็นการกลับมาเยือนเมืองไทยอีกครั้ง ในรอบ 3 ปี ของ “แบคโฮ” ซึ่งเขาหอบความรัก ความคิดถึง ที่กักเก็บไว้ตลอด 3 ปี มาเปลี่ยนเป็นพลังงานความสุขมอบให้กับโดโน่ไทย ในมินิคอนเสิร์ตครั้งนี้ พร้อมจัดเต็ม! แท็กทีมวงดนตรีแบบเต็มแบนด์ มาร้อง เล่น กันแบบสด ๆ เขย่าโสตประสาทของโดโน่ไทยให้ตื่นเต้นยิ่งกว่าที่เคย

บรรยากาศของ BAEKHoney DAY ที่เต็มไปด้วยพลังของความสุข เริ่มด้วยทุ่งดอกไม้สีแดง จากแท่งไฟที่สาดแสงสีชมพูแจ่มใส โดโน่ส่งพลังเสียงกรี๊ดดังลั่นฮอลล์ ต้อนรับ “แบคโฮ” ขึ้นมาบนเวที กับเพลง LOVE BURN รวมทั้ง BAD 4 U ก่อนที่เขาจะทักทายแฟนๆ อย่างเป็นทางการ “สวัสดีครับ ต้อนรับทุกคนเข้าสู่มินิคอนเสิร์ต ของผมนะครับ ”(ภาษาไทย) “สวัสดีครับ แบคโฮครับ” ดีใจที่ได้เจอะกันใหม่นะครับ ทุกคนสบายดีใช่ไหมครับ” และก็ หยอดคำหวาน ว่าวันนี้เขาพร้อมจะเป็นฮันนี่ ของโดโน่ไทย!

แบคโฮ (BAEKHO)

เช็คเอเนอจี้แฟนคลับให้พร้อมออกเดินทางไปกับวันแสนหวานแล้ว หนุ่ม “แบคโฮ”

ก็เดินหน้าจัดเต็มความสนุกต่อในทันที กับเพลย์ลิสต์เพลงที่โดโน่ไทยจำเป็นต้องกดหัวใจให้รัว ๆ ไม่ว่าจะเป็นเพลงจากอัลบั้ม Absolute Zero ซึ่งผลงานโซโล่เดี่ยว ของเขา อย่าง No Rules , Festival in my car รวมทั้ง Wanna go back รวมถึงเพลงเพราะ ๆ อีกเพียบเลย เช่น VVITH , If we, Need it, Hello และก็ DRIVE

นาทีนี้ใครจะมีความสุขเท่า “โดโน่ไทย” ไม่มีอีกแล้ว เพราะนอกจากฟังเพลง จากเสียงหวาน ๆ อันทรงพลัง จาก “แบคโฮ” ไปเพลิน ๆ แล้ว พ่อหนุ่มเสือขาว ยังโชว์ฝีมือ การทำกรอบรูปดอกไม้ พร้อมเขียนข้อความลายมือภาษาไทย “มีความสุข” ด้วยตัวเอง

อีกทั้งของขวัญสุดพิเศษ ที่มอบให้กับโดโน่ ที่มาร่วมงานทุกคน ดังเช่นว่าสบู่กระดาษ ของขวัญน่ารัก ๆ ที่จะทำให้โดโน่ไทยได้นึกถึงใบหน้าหล่อ ๆ ของเขา ทุกครั้งที่ใช้

รวมถึงเรื่องราวที่เขาอยากพูดคุยกับแฟนคลับอีกมากมาย ทั้งความตื่นเต้น ในการเตรียมอัลบั้ม Absolute Zero ความประทับใจกับอาหารไทย ความน่ารักน่าเอ็นดูของโดโน่ไทย ที่มาแชร์โมเม้นต์ ความทรงจำระหว่างกันให้ฟัง ยิ่งทำให้บรรยากาศของ BAEKHoney DAY อันประกอบไปด้วย เพลงพราะ ๆ , โดโน่ไทย และก็ แบคโฮ เต็มไปด้วยมวลแห่งความสุข

​แต่ว่ามาไทยในรอบ 3 ปี ทั้งที นอกจากหอบความคิดถึงมาฝากโดโน่ไทยแล้ว “แบคโฮ” ยังเตรียมของขวัญสุดพิเศษ เฉพาะโดโน่ไทย มาอีกด้วย กับคัฟเวอร์เพลง “กีดกัน” จากศิลปิน Billkin ซึ่งพ่อหนุ่มเสือขาว ก็ทำได้ดี ทั้งการออกเสียงภาษาไทย แล้วก็ การสื่ออารมณ์ จน แฟนคลับยกนิ้วให้คะแนน 10 เต็ม 10 ไปเลย!

แบคโฮที่ว่าหวาน แต่ว่าบอกเลยว่า “โดโน่ไทย” หวานไม่แพ้กัน! กับโปรเจกต์ ชูสโลแกนข้อความว่า “รอยยิ้มของแบคโฮ​ คือความสุขของพวกเรา”

พร้อมเปิด VCR ที่เก็บรวบรวมผลงานของแบคโฮ ในตอนที่ผ่านมา ซึ่งบอกได้ถึงความรู้สึกภูมิใจ ความขอบคุณในตัวไอดอลของพวกเขา แล้วก็ พร้อมจะสนับสนุน “แบคโฮ” อยู่ตรงนี้เสมอ เป็นโปรเจกต์ที่อบอุ่น ที่หนุ่มแบคโฮ ก็รู้สึกขอบคุณมาก ๆ ด้วยเหมือนกัน

“ขอบคุณมาก ๆ เลยครับ ผมได้ทำกิจกรรมหลากหลายมาก ๆ แต่ก็ยังมีอีกหลายอย่าง ที่ผมยังไม่เคยทำ เวลาจะทำอะไรผมจะเป็นคนที่ขี้กลัว แต่ทุกครั้งที่มีโอกาสใหม่ ๆ ผมตัดสินใจเริ่มทำ เพราะว่ามีโดโน่อยู่เคียงข้างผม ผมเลยรู้สึกอุ่นใจ และมีกำลังใจมาก ๆ การได้ยืนอยู่บนเวทีนี้ เป็นช่วงเวลาที่ ผมมีความสุขมากที่สุด ไม่ใช่แค่บนเวที แต่ทุกคนส่งความรัก กำลังใจให้ผมเสมอ เพราะความรักของทุกคน เลยทำให้ผมได้เป็น MC ได้ถ่ายรายการกอล์ฟ แม้จะไม่เก่งมาก แต่เพราะทุกคนก็คอยส่งเอเนอจี้ดี ๆ ให้ แม้จะตื่นเต้น แต่ก็ทำให้ผมกล้า ที่จะทำมากขึ้น ผมกล้าพูดว่า จะลองทำให้ดีที่สุด เพราะทุกคนเลยครับ ขอบคุณมาก ๆ เลยนะครับ”

ตอนที่เตรียมงานคอนเสิร์ตนี้ ผมอยากจะเจอทุกคนเร็ว ๆ แต่พอเริ่มแล้วก็ไม่อยากให้งานนี้จบลงเลย ผมรู้สึกแบบนี้เพราะผมมีความสุขมาก ๆ ความทรงจำดี ๆ ที่เราสร้างด้วยกัน ผมจะจดจำไปอีกนานเลยครับ (ภาษาไทย) “ผมมีความสุข” หวังว่าจะมีโอกาสกลับมาหาทุกคนเร็ว ๆ นี้นะครับ ขอบคุณโดโน่ทุกคนมาก ๆ เลยครับ วันนี้ผมมีความสุขมากเลยครับ ตอนแรกผมตั้งใจ อยากจะมอบฮันนี่เดย์ให้ทุกคน แต่รู้สึกว่าวันนี้ เป็นฮันนี่เดย์ของผมครับ หวังว่าทุกคนจะจดจำวันนี้ ไปนาน ๆ นะครับ”

และเหตุผลที่เขาตั้งใจทำงาน เพราะมีโดโน่อยู่เคียงข้าง พร้อมให้กำลังใจ คอยส่งพลังงานดี ๆ มาให้ตลอดมา
Good Boy กว่านี้ไม่มีอีกแล้ว เป็นคำสัญญา ที่สัมผัสถึงความรู้สึกจริงใจ ที่มีต่อโดโน่มากมาย มั่นใจว่า “โดโน่ไทย” จะจำวันที่เต็มไปด้วยเรื่องราวดี ๆ เหล่านี้ไปอีกนาน ตราบจนกระทั่ง จะเจอกันใหม่อีกรอบแน่นอน

สำหรับในการแสดง ศิลปินต่อ ๆ ไปจะเป็นใครนั้น โปรดติดตามทาง https://www.facebook.com/DSHOWTHAILAND และก็ Twitter @DshowThailand เพื่อให้ท่านไม่พลาดทุกการแสดง

อนันดา

อนันดา ตอบแจ่มชัด ปมใช้ค่าตัวดาราหนังโปรโมตหนังแค่มุก วอนอย่าดราม่า

เป็นกระแสร้อน ในวงการภาพยนตร์ทันที เมื่อภาพยนตร์ ทิดน้อย ที่มีคู่พระนาง อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม แล้วก็ อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ มาร่วมแสดง มีการใช้คำโปรโมตเรื่องค่าตัวดาราหนัง โดยพูดว่า “ค่าตัวอั้ม สร้างหนังได้ 1 เรื่อง ค่าตัวอนันดา ซื้อคอนโดแถวทองหล่อได้ 1 หลัง พร้อมรถด้วย” จนเกิดกระแส วิจารณ์อย่างมาก ล่าสุด อนันดา ตอบถึงหัวข้อนี้แล้ว หลังจากมาร่วมงานแถลงข่าวภาพยนตร์ “ขุนพันธ์ 3” ณ โรงภาพยนตร์ SF World Cinema ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

ดราม่า ค่าตัวเล่นหนังเรื่อง “ทิดน้อย” ซื้อคอนโด ซื้อรถยนต์ได้จริง ?
“ไม่เห็นข่าวนะ หมายความว่าโมเดลคอนโด โมเดลรถยนต์ ซึ่งมันไม่ได้อะไรอย่างนั้นหรอก ถ้าเกิดจำได้ เป็นเรื่องที่พี่เขาแซว ตั้งแต่เราบวงสรวง มันโจ๊ก ไอเดียเขาคือ บอกให้มันโอเวอร์แหละ มันไม่ใช่เรื่องจริง ถ้าเกิดมันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ก็ดีสิครับ ผมเล่นหนังมา 30-40 เรื่อง คงมีคอนโดอยู่ทั่วจังหวัดกรุงเทพ แล้วล่ะ”

ภาพยนตร์ ทิดน้อย

เกิดการเปรียบเทียบกับคนเบื้องหลัง ที่เขาอาจจะไม่ได้ขนาดนี้ ?

“เราคงต้องจับเข่าคุยกันอีกนาน เพราะเหตุว่าผมเป็นโปรดิวเซอร์อยู่แล้ว แล้วผมก็รู้เรื่องค่าตอบแทน ความไม่ยุติธรรมของงานในแวดวงนี้ มันมีหลายเลเวล ถ้าเกิดสมมุติเรามามองกันแบบพื้น ๆ ฉาบฉวย เป็นข่าวดราม่าเฉย ๆ มันไม่เกิดประโยชน์ เพราะเหตุว่าจริง ๆ ถ้าหากพวกเราจะมาแก้ไขปัญหาตรงนี้ มันเป็นนโยบายมากกว่า

ต่างประเทศเขามีหน่วยงานที่ป้องกัน คนในวงการ แล้วบ้านเรามีที่ไหน จริง ๆ ถ้าเกิดจะคอมเพลน ก็ช่วยผลักดัน ให้มันมีการเปลี่ยนแปลง แล้วมันไม่ใช่แค่วงการหนังอย่างเดียว มันหลายแวดวงเลย ทั้งอุตสาหกรรม หากจะบอก ในมุมของดารา มันก็บอกปกคลุมทั้งวงการไม่ได้ อยู่แล้ว ผู้แสดงที่ได้เยอะ ก็ไม่ใช่ทุกคน มันเฉพาะบางบุคคล”

เรื่องโจ๊ก ที่เราบอกกัน วันนั้น มาโปรโมตภาพยนตร์ มันดูไม่ดี ?
“ผมว่าในมุมของผม มันเซ้นซิทีฟเกินไป มันคือโจ๊ก ทุกวันนี้ ผมรู้สึกว่า บางทีเราไปจับคำพูด จากคอมเมนต์ ที่มันออกไปทางย้อนกลับมาแรง แล้วเราก็ไปจับตรงนั้นมาตีความว่า นี่คือเสียงของส่วนใหญ่ ซึ่งมันก็ไม่ใช่ ส่วนใหญ่ทุกคนแยกแยะได้ และมองเห็นได้อย่างชัดอยู่แล้ว ว่านี่มันคือโจ๊ก มันคนละอย่าง ยังไงมันก็ยังเป็นโจ๊ก แค่รู้สึกว่าไม่ควรไปซีเรียส กับตัวเองจนเกินไป ถ้าแค่นี้คือดราม่าก็อาจจะเกินไป มันมีอะไรอีกเยอะที่จะคอมเพลนกันได้”

คุณ อนันดา ซีเรียสจากการวิจารณ์ ?

“ไม่ซีเรียส เดี๋ยวอาทิตย์หน้าก็ลืม มันไม่ได้มีอิมแพ็กอะไรเท่าไร แต่ถ้าสมมติ อยากจะคุยกัน ในเรื่องของความแฟร์ ในวงการ อันนี้ เรามานั่งจับเข่าคุยกัน ดีกว่า ผมยินดีที่จะคุย ผมเคยบ่นมานานแสนนาน แล้วล่ะ ว่าทำไมเราไม่มีองค์กรอะไร มาเซฟนักแสดง มันมีสิทธิอีกเยอะ ที่ผมอยากได้เหมือนกันนะ อย่างถ้าผมทำงาน อยู่ในองค์กรต่างประเทศ ผมรีไทร์ไปได้ตั้งนานแล้ว เพราะหนังทุกเรื่อง ที่ผมได้แสดงมาเนี่ย ผมได้แบล็กเอ็นทุกครั้ง ที่เขาเอาไปฉายใหม่ สแตนดาร์ด ก็ไม่มีในประเทศไทย”

ถ้าจะให้มันเท่าเทียม จำเป็นต้องเกิดการเปลี่ยนแปลง ในอุตสาหกรรม ?
“ถ้าคนจะมาเปิดประเด็นนี้ ผมยินดีมาก อยากพูดมาก มันเป็นส่วนที่เราแคร์ แต่ว่า ในส่วนที่เราคุยกัน ในงานก็แค่โจ๊ก อย่างที่บอก คุยกันแบบนี้ มันอาจไม่ได้อะไรอยู่แล้ว คือมันอาจจะเริ่มมาจาก วัฒนธรรมบ้านเรา

เช่น บางคนให้พื้นที่ดารา มาก่อน นักแสดง อย่างหลาย ๆ คนที่เข้ามาในวงการ เขาถูกปั้นมา เขาไม่ได้ถูกหยิบมาจากโรงเรียน พอเขาถูกปั้นจากทางค่าย เขาจะมีปากเสียงได้ยังไง เขาก็ต้องอยู่ในค่าย แล้วพออยู่จุดนั้นเขาก็กลายเป็นโปรดักต์ของค่าย ถ้าเป็นไปได้ มันจะเป็นเรื่องที่ดีมาก ถ้าเป็นเรื่องยูเนียน ทั้งคนในวงการ และ อุตสาหกรรม ทุกเลเวลเลย

ไม่ว่าจะเป็นช่างไฟ ช่างภาพ แต่ครั้งนี้ ก็ต้องได้ความร่วมมือ จากทุกฝ่าย ทั้งผู้ใหญ่ในวงการ และผม อยากให้ผมออกตัวตรงนี้ ผมยินดีอยู่แล้ว รวมทั้ง ภาครัฐก็ต้องเข้ามา เพราะเราต้องยอมรับ หลายอุตสาหกรรม ในบ้านเรา ก็ถ้าเราแคร์กันจริง ๆ อะไรที่อยู่ในใจ ก็อยากให้มันตาย ถ้ามันสามารถขยายต่อยอด เป็นการพูดคุยแบบจริงจัง ผมก็เป็นตัวแทนให้ได้อยู่แล้ว ยินดีครับ”.

สู่ขวัญ บูลกุล

"สู่ขวัญ บูลกุล" ในวัย 50 กับชีวิตไม่เพอร์เฟคอย่างที่คิด

“สู่ขวัญ บูลกุล” ในวัย 50 กับชีวิตไม่เพอร์เฟคอย่างที่คิด เรียกว่าเป็นผู้หญิงต้นแบบ ของผู้หญิงหลายคน แม้จะย่างเลข 5 แล้วแต่ยังดูสวย และ ดูเด็กอยู่เสมอ

สำหรับ “สู่ขวัญบูลกุล” ล่าสุด มาเปิดใจ ในรายการ WOODY FM ถึงเรื่องราว ที่ทำให้ทุกข์ที่สุด และ ชีวิตไม่เพอร์เฟคอย่างที่คิด จนทำให้ ทุกวันนี้ ดำเนินชีวิตอย่างรู้คุณค่า ด้วยความเข้าใจ

ดีใจ ที่เห็นหน้าพี่ขวัญ ก็ยังสดชื่นดังเดิม
สู่ขวัญ : เช่นเดียวกันนะ วู้ดดี้ก็เช่นกันนะ

สู่ขวัญ วู้ดดี้

คุณ สู่ขวัญ ชอบ Energy ดี ๆ ในวัยนี้

คุณสู่ขวัญ : ใช่ สุข ทุกข์ ที่มันผ่านมาในชีวิต เราศึกษากับมัน ตอนทุกข์ ก็ทุกข์ ตอนสุข ก็สุข แต่มันทำให้เรา เข้าใจชีวิต รู้จักชีวิตจนมาเป็นวันนี้ เราไม่ได้เพอร์เฟค และ ไม่ได้มีทุกๆอย่าง แต่ว่าภูมิใจ ที่เดินก้าวข้ามผ่านทุกๆสิ่งทุกๆอย่างมาได้ เราไม่ค่อยกลัว ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เนื่องจากเชื่อว่า มันจะผ่านไปได้ แล้วทั้งหมดทั้งปวง จะเป็นเรื่องราวในชีวิต ในที่สุดก็จะคิดว่า ที่มาถึงวันนี้ เป็นเพราะเหตุว่าตัวเรา พูดถึงชีวิต ไม่มีใครช่วยเหลือกันได้ จำเป็นต้องเดินไปด้วยตัวเอง ทุกอุปสรรคมีคนยื่นแรงใจได้ ให้คำแนะนำได้ ให้ความรักได้ แต่ว่าผู้ที่เหมาะสมที่สุดจะต้องลุกขึ้น แล้วก็ เดินไปเอง คือเรา

พี่บอกวู้ดดี้ เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ว่าอีก 5 ปี พี่จะออกจากวงการบันเทิง พี่จำได้ไหม ?
สู่ขวัญ : (หัวเราะ) ยังคิดอยู่ตลอดเวลา

แต่ว่าถามคำถามว่า ในวงการบันเทิง พี่ก็ไม่เชิงอยู่นะ ?
สู่ขวัญ : ยังคิดอยู่เรื่อย ๆ นะ ถ้าเราไม่ทำอะไร ทุกอย่างที่เราทำอยู่ตอนนี้ จะเป็นยังไง แต่พี่ขวัญพบว่า พี่มักจะรักคนที่ทำงานด้วยเสมอเลย มันเลยเป็นอีกเรื่องหนึ่งไป ไม่ใช่ว่าเราอยู่ในวงการ หรืออะไร พี่เป็นคนโชคดีเรื่องคน ทุกครั้งคนที่พี่ขวัญทำงานด้วย จะกลายเป็นเพื่อนในชีวิตจริง เพราะฉะนั้น การออกจากวงการมันยาก ตรงที่พวกเขาเป็นเพื่อนเรา การที่ไปทำงานเหมือนการได้ไปเจอเพื่อน ซึ่งเราก็รักเขา และยังอยากเจอเขาอยู่เสมอ

ชีวิตโดยรวม ยังมีอะไรที่ต้องการจะค้นหา อีกไหม ?
สู่ขวัญ : ชีวิตมันใส่อะไรให้เรามาตลอด โดยที่ไม่ต้องค้นหา เรารับมือมันให้ได้ดีกว่า ยิ่งโตขึ้น ประสบการณ์ชีวิตมากขึ้น มันอาจจะซับซ้อนขึ้นยากขึ้น ปีนี้พี่ขวัญ 50 พี่ก็ไม่เชื่อว่าพี่เข้าใจชีวิตดี เพียงแต่ว่า เรียนรู้ที่จะใช้ชีวิต อยู่กับสุข และ ทุกข์ พอใจไม่พอใจ สำเร็จและผิดหวัง รู้ว่าจะอยู่กับสิ่งต่าง ๆ และอารมณ์ต่าง ๆ ยังไง แต่พี่ก็ไม่เชื่อ ว่าพี่เข้าใจชีวิตนี้ดี เมื่อเราจำเป็นต้องเจออะไร เราก็จะเจอสิ่งนั้นเอง

4 ปี ที่ผ่านมา เรื่องที่ทุกข์ที่สุด คืออะไร ก้าวผ่านอย่างไร ?

คุณสู่ขวัญ : ทุกข์ที่สุดคือ เรื่องของการจากไป ของคุณพ่อคุณแม่ เพราะภายใน 3 ปีที่ผ่านมา เสียเรียงกันเลยค่ะ คุณพ่อเสียไปก่อน คุณพ่อเสียปี 2019 คุณแม่เสียปีที่แล้ว ถือว่าเป็นการสูญเสีย ที่ให้สัจธรรมของชีวิตจริง ๆ เพราะว่าสำหรับพี่ขวัญ คุณพ่อสำคัญมากในชีวิต แต่เราก็รู้มาตลอด เพราะว่าคุณพ่อไม่ได้กะทันหัน แต่แกเจ็บป่วยมาหลายปี เราพยายามทำเต็มที่แล้ว เมื่อคุณพ่อจากไป เราก็น่าจะเดินต่อไปได้ ซึ่งก็เดินต่อไปได้จริง ๆ ค่ะ แต่ความทุกข์มันหนักมาก เหมือนกับว่าบางอย่าง มันฉีกแล้วหายไปเลยในชีวิต ชีวิตมันต่อรองไม่ได้จริง ๆ มีผลกระทบกับเรามาก เป็นแก่นในชีวิตของเรา และเขาจากไป ทุกวันนี้ ใช้ชีวิตอย่างรู้คุณค่าของชีวิต ตื่นมายัง รู้สุข รู้ทุกข์ ในแต่ละวัน เมื่อมีความสุขก็รู้คุณค่าของความสุข เมื่อเจอความทุกข์ ก็เข้าใจว่านี่แหล่ะ คือการเรียนรู้ของชีวิต ไม่เคยประมาทกับมัน

ทั้งนี้ ท่านสามารถติดตาม Woody FM ได้ที่ ทาง Podcast : WOODY FM , Facebook: Woody, Youtube: Woody ทุกวันพุธ เวลา 19.00 น.

คลิกชม ย้อนหลัง : https://www.youtube.com/watch?v=ZLYeyuB0Cg8

แอน อรดี เปิดใจ

แอน อรดี เปิดใจ เจอสาวใหญ่สวีเดนด่ากราด กล่าวถึงความรักกับ บอย ศิริชัย ทำเสียชื่อเสียง

แอน อรดี เปิดใจ พบสาวใหญ่สวีเดนด่ากราด พาดพิงความรักกับ บอย ศิริชัย ทำเสียชื่อเสียง

จากกรณี สาวใหญ่ที่อาศัยอยู่ประเทศสวีเดน อ้างเป็นยูทูบเบอร์ทำคลิปติชม หมอลำสาวมีชื่อเสียง แอน อรดี ด้วยการพาดพิงด่ากราดไม่สุภาพในทางเสียหาย พร้อมวิจารณ์ความรักกับแฟนหนุ่ม หมอลำ บอย ศิริชัย ทำให้แฟนๆของ แอน-บอย ไม่พอใจ เข้าไปโต้ตอบสุดเดือด

ปัจจุบัน แอน อรดี ได้เปิดใจ ถึงประเด็น ก่อนขึ้นโชว์ ณ โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง แจ้งวัฒนะ

โดย แอน อรดี| เผยว่า “แอนว่าการที่เราเป็นศิลปินมันต้องเจอกันทุกคนอยู่แล้ว แต่ว่าในครั้งนี้มันอาจจะหนักและคงแรงไปหน่อย จริงๆ พอจะทราบมาเหมือนกันว่าช่องยูทูบช่องนี้มีคาแร็กเตอร์ในการนำเสนอข่าวประมาณนี้ ก็ได้เห็นและเข้าไปฟังบ้าง ตั้งแต่ตอนที่แอนยังไม่ได้เป็นศิลปินอิสระด้วยซ้ำ ตอนนั้นยังเป็นหมอลำอยู่”

เขากล่าวถึงเราโดยประมาณไหน?
“ก็วิพากษ์วิจารณ์ทั่วไปค่ะ มีทั้งหนักและไม่หนักบ้างตามข่าวของเราในช่วงนั้น แต่ว่าที่รุนแรงและหนักจริงก็น่าจะเป็นตอนนี้ เขาใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่”

คำบอกเล่าไหนที่รุนแรง มีผลเสียทำให้พวกเราเสียชื่อเสียง?
“จริงๆ คนเรามันก็มีอดีตกว่าที่จะมาถึงวันนี้ แอนก็มีเหตุผลในเรื่องส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแฟน เรื่องครอบครัว เรื่องงาน การยกเอาเรื่องในอดีตเรามาพูดถึงให้คนเข้าใจเราไปในทางที่ผิด หรือเอาเรื่องเก่ามาพูดมันก็ไม่จบสักที เขาก็มาเหมือนมาวิเคราะห์ว่าทำไมต้องเลิกกับคนเก่า ทำไมต้องมาคบกับคนนี้ ใช้คำพูดที่รุนแรงอยู่เหมือนกัน ทำไมถึงมาวิจารณ์เราขนาดนี้ เพราะจริงๆ มันเป็นเรื่องส่วนตัวของเราด้วย และที่พูดมาไม่ใช่เรื่องจริงเลยด้วยซ้ำ คือรู้ไม่จริง แล้วมาพูดให้หลายๆ คนที่เขาฟังคลิปเข้าใจผิดมันเลยไปกันใหญ่”

กระทบกับงานพวกเราไหม?
“มันไม่ได้กระทบอะไรกับแอนนะ ไม่ได้รู้สึกให้ความสำคัญกับตรงนี้ แต่ว่าเวลาที่เราแว้บไปได้ยิน ก็รู้สึกว่าทำไมมันรุนแรงจังเลย ทีนี้แอนมีโอกาสออกมาพูดก็อยากจะอธิบายกับแฟนคลับทุกคน ถ้าติดตามเรามาจริงๆ ควรที่จะโฟกัสที่งานและการแสดงมากกว่า”

คำพูดของเขาทำให้แฟนคลับเข้าใจผิด?
“มีส่วนด้วย มันก็จะเกิดคอมเมนต์การด่ากันไปด่ากันมาทำให้เราเสียหาย แล้วบางคนใช้ข้อความที่มันดูแรงด้วย”

แอน อรดี บอย ศิริชัย

คุณ แอน อรดี ต้องการจะฟ้องไหม?

“ไม่ค่ะ ก่อนหน้านี้ช่วงที่มีคลิปออกมา ณ วันนั้นล่าสุดแอนก็ได้เข้าไปดูจนจบ แล้วเข้าไปคอมเมนต์ด้วย อยากคอมเมนต์ให้เขารู้ตัวว่าเราฟังอยู่นะ เรารับรู้อยู่นะ เขาก็พยายามหาทางตัดคลิปไปเลย เราก็มีโอกาสมาไลฟ์สดกับแฟนคลับ ได้อธิบายไปแล้วช่วงหนึ่ง ประเด็นที่เขาพูดถึงจะมีเรื่องแอนกับพี่บอยด้วย พี่บอยก็เลยเป็นคนพูดแทนเราไปว่ามันไม่เหมาะสม ไม่สมควร”

ส่วนหนึ่งที่เขาพูดถึง ประเด็นที่มาคบบอย?
“ใช่ มันก็มีทุกอย่าง จริงๆ มันไม่มีใครรู้หรอกว่าทำไมถึงได้มาคบกัน มันเกิดจากอะไร ถ้าเป็นแฟนคลับของเราจริงๆ จะรู้ที่มาที่ไปคืออะไร พอหลังจากที่เราเป็นที่รู้จักมากขึ้น คนที่เขาเพิ่งจะมารู้จักเรา เขาก็ต้องมาดูข่าวได้ยินคลิป ก็อาจจะคิดว่าเป็นแบบนี้จริงๆ เหรอ คือมันทำให้คนเข้าใจผิด ทำไมไม่นำเสนอเราในด้านที่สร้างสรรค์และด้านที่ดีดีกว่า เพราะเราก็เป็นคนอีสานเหมือนกันแล้วเขาไปอยู่ต่างประเทศควรที่จะสนับสนุนกันมากกว่า”

ปัญหานี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่ แล้วแอนคอมเมนต์ตอบไปว่าอะไร?
“คอมเมนต์ทักทายปกติเลยค่ะ สวัสดีค่ะแม่ หนูติดตามชมคลิปแม่ตลอดเลยนะคะ คือทำให้เขารู้ตัว แฟนคลับเราก็เข้าไปด้วยเหมือนกัน เขาก็รู้ เขาก็ยังโต้ตอบกับแฟนคลับเราอยู่”

เดี๋ยวนี้เขายังเอ่ยถึงเราอยู่ไหม?
“ก็มีนะ มาเรื่อยๆ”

ด้วยความที่ไม่ใช่หนแรก เราอยากจะจัดการอย่างไร?
“แอนก็ไม่อยากให้มันรุนแรงอะไรขนาดนั้น เราคิดว่าเรายังคุยกันได้ แต่พอได้มีโอกาสมาพูดตรงนี้ อยากจะให้เลิกแล้วต่อกัน นำเสนอข่าวแอนได้ปกติเลยค่ะ แต่อยากจะให้มันเป็นแนวทางที่ดีดีกว่า ที่น่ารัก ไม่ต้องดราม่าให้มันเกิดปัญหา”

ถ้าหากเขาออกมาโต้ตอบอีก เราจะฟ้องร้องคดีไหม?
“แอนได้มาพูดครั้งนี้มันก็เป็นความสบายใจของแอนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นกรณีนี้หรือข่าวใดๆ อยากให้ทุกคนมีวิจารณญาณในการรับชมรับฟัง มันต้องไต่ตรองให้ดีๆ ก่อนว่าข่าวนี้จริงหรือไม่จริง เชื่อว่าทุกคนมีเหตุผลของตัวเอง เรื่องทุกเรื่องต้องมีต้นเหตุสาเหตุอยู่แล้วอยากจะให้คิดนิดนึงก่อนจะเชื่อ”

คุยกับพี่บอยว่ายังไงบ้าง?
“เสียความรู้สึกกันทั้งสองคนตอนที่ได้ยิน เพราะไม่คิดว่ามันจะรุนแรง ก็ไม่ได้อยากจะมาพูด แต่เราก็ได้อธิบายกับแฟนคลับแล้ว และได้ฝากไปถึงเขาแล้วก็คงคิดว่าคงผ่านไป”

เรื่องนี้ส่งผลต่อความสัมพันธ์ของเรากับบอยไหม?
“ไม่ค่ะ เพราะเราคุยกันตลอด เข้าใจกัน เราแค่ไม่อยากให้เอาเรื่องเดิมมาพูดอีก มันก็ไม่จบสักที แล้วมันก็ไปพาดพิงถึงบุคคลที่3 ที่ 4 ยาวไปอีก คือเรื่องมันจบกันด้วยดีทุกฝ่ายทุกทาง เราไม่อยากให้แฟนคลับมาทะเลาะกันเอง มันยืดเยื้อ”

คิดไหมว่าเพราะเหตุไรเขาถึงจำเป็นต้องมาพูดกับเราในทางลบ ดิสเครดิต?
“เคยคิดอยู่เหมือนกัน แต่ก็คิดว่ามันจะให้คนทั้งร้อยทั้งหมดมารักเรามันก็ไม่ได้ เราก็ต้องทำใจไว้ครึ่งหนึ่งว่าเราต้องเจอกับอะไร แต่ถ้าบางอย่างมันเกินไปเราก็ต้องออกมาพูด”

กับคู่กรณีนี้ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวใช่ไหม?
“ไม่ ทราบว่าเป็นยูทูบเบอร์ท่านหนึ่งที่ทำคลิปวิพากษ์วิจารณ์เรื่องราวของหมอลำ แล้วก็พูดเรื่องเรามาตลอดวิเคราะห์ว่าทำไมถึงลงจากหมอลำ ทำไมถึงออกมารับงานเดี่ยว จนมาถึงเรื่องกับพี่บอย ทำไมเลิกกับคนเก่า ถ้าเขาจะทำต่อ เกาะกระแสต่อก็ไม่เป็นไร เราไม่ได้ว่าอะไร ก็คงจะไม่เอาเรื่องอะไรแล้ว ออกมาพูดตรงนี้คนที่ยังไม่ทราบเรื่องได้เข้าใจตรงนี้ก็พอใจแล้ว”

มันบั่นทอนความรู้สึก ผ่านไปดียิ่งกว่า มันก็มีบางวันที่พวกเราเมื่อยล้า พวกเราก็มีความคิดว่าพวกเราไปทำอะไรให้เขา มันไม่มีใครต้องการที่จะให้ชีวิตตนเองแย่ มันไม่มีใครอยากที่จะให้ชีวิตอดีตตนเองไม่ดี บางสิ่งมันเป็นเรื่อที่เราจำเป็นต้องพบ จะต้องเลือกเส้นทางของเราเอง มันมีเหตุผลของมันเอง

ต่อจากนี้ถ้าหากเขายังเอ่ยถึงพวกเราไม่หยุด แล้วถ้าเกิดหนักกว่าเดิม?
“ก็คงต้องพิจารณาว่าต้องเป็นยังไงกันต่อ ถ้าหนักมากกว่านี้เราก็ต้องมาดูกันแล้วว่าต้องทำยังไงกันต่อ ก็มีปรึกษาทนายบ้าง มีน้องที่เขาเป็นทนายอยู่เหมือนกัน เราก็รอดูว่าจะเป็นยังไงต่อ”

แอน อรดี

จากสถานะการณ์นี้ แฟนๆซัพพอร์ตเรายังไงบ้าง?

“ให้กำลังใจส่งข้อความมา คือเป็นกลุ่มที่คอยซัพพอร์ตให้กำลังใจกันอยู่ทุกวันอยู่แล้วต่อให้ไม่มีปัญหาอะไร พอมีปัญหามาเขาก็ยิ่งเป็นห่วงสภาพจิตใจเราว่า เราจะทำงานได้มั้ย ก็ค่อนข้างใช้พลังในการทำการแสดงในแต่ละวัน”

มันยากไหม พอเราไม่มีสังกัด ไม่มีคนดูแลพวกเราเต็มที่เรื่องสิทธิ์ต่าง ๆ ภาพลักษณ์ของศิลปิน ที่เราจะต้องออกมาประชาสัมพันธ์ด้วยตัวเอง?
“แอนไม่ได้ถือว่าตัวเองเป็นศิลปินโด่งดังอะไร เราเกิดมาจากหมอลำ เป็นคนหนึ่งที่ทำอาชีพนี้ พอได้เป็นที่รู้จัก แล้วเราก็ไม่คิดว่าจะต้องอยู่ตรงไหน มีคนรู้จักมากมายขนาดไหนแล้วต้องทำตัวยังไง คือตอนนี้แอนใช้ชีวิตปกติมากไม่ว่าจะอิสระหรือไม่อิสระก็ยังเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือทำงานมากขึ้น หน้าที่รับผิดชอบมากขึ้นเท่านั้นเองค่ะ”

พอมีเรื่องเสียหาย ช่องทางที่เราจะดูแลภาพลักษณ์ตนเองมีทางไหนบ้างที่พวกเราทำได้?
“อันดับแรกคือต้องปล่อยวาง แต่ถ้าเกิดมันหนักจริงเราก็ต้องออกมาพูดบ้าง แอนเป็นคนที่ชัดเจนและตรงในการที่จะแสดงความคิดเห็น ก่อนหน้านี้แอนไม่ได้พูดเลยมีแต่พี่บอยพูด มีครั้งนี้ที่เพิ่งจะออกมา”

แล้วในตอนนี้ยังมีคนมาก่อกวนหน้าเวทีไหม?
“มีค่ะ มีปกติ มีทุกงาน เจอมาค่อนข้างหนัก”

แอนมีความคิดว่าศิลปินมีสิทธิ์โต้ตอบแฟนคลับที่ทำกิริยาไม่ดีกับพวกเราหน้าเวทีไหม?
“มีค่ะ เราเองก็เป็นคนเหมือนกัน แค่มีหน้าที่ตรงที่ศิลปินนักร้อง เขาเป็นคนฟังแค่นั้นเอง สิทธิ์มันเท่ากันอยู่แล้วในการที่จะอธิบายจะพูดว่า จับเบาๆ อย่าดึงนะ มันต้องเท่ากันอยู่แล้ว ไม่ใช่แค่คิดว่าจ้างมาร้องแล้วต้องทำยังไงกับเราก็ได้ ไม่ใช่ แอนรู้สึกว่ามันเท่าเทียม ไม่ใช่ว่าจะมาทำยังไงกับเราก็ได้ บางคนล้วงเราก็มี วันหนึ่งเราวิ่งหลายงาน เจอทุกประเภทเหมือนกัน แต่เราแค่รู้สึกวันนี้ผ่านไปก็คือผ่านไป ไม่ได้อยากจะมาพูดมาโพสต์เฟซให้คนได้รู้อีกมุมหนึ่งกว่าเราจะผ่านมาได้แต่ละวันมันคืออะไร ก็อยากเป็นอีกหนึ่งกระบอกเสียงเป็นตัวแทนของศิลปิน อย่างน้องๆ ที่้ร้องเพลงตามร้านเขาก็ออกมาโพสต์กันเยอะ โดนแฟนคลับพูดจาไม่ดีด่าถึงพ่อแม่ครอบครัว ก็เกินไป”

ว่าน ฟาง

ว่าน-ฟาง ไม่กลัวอาถรรพ์เลข 7 เข้าใจมันคือโค้งของความเบื่อหน่าย

ว่าน-ฟาง ไม่กลัวอาถรรพ์เลข 7 เข้าใจมันเป็นโค้งของความเบื่อหน่าย
ไม่เคยร่วมงานแสดงด้วยกันเลย แต่ปัจจุบันนักร้องหนุ่ม ว่าน ธนกฤต พานิชวิทย์ ได้ตามติดคู่กับหวานใจ ฟาง ธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์ ในซีรีส์เรื่อง “เพื่อนผมมีมรดกเป็นโฮมสเตย์ครับ” ที่พึ่งบวงสรวงวันนี้ (23มกราคม66) ที่ บ.ทีวี ธันเดอร์ จำกัด

โดยทั้งคู่ได้มาร่วมงาน หลังจากจบพิธี ผู้รายงานข่าวได้อัพเดตเรื่องความรักของทั้งสอง ที่เข้าปีที่ 7 แล้ว กังวลเรื่องอาถรรพ์บ้างหรือเปล่า

ความรักเข้า 7 ปี เป็นอย่างไรบ้าง?

ว่าน “เหมือนเดิมครับ มันก็เป็นแบบนี้มาเรื่อย ๆ จนเข้าปีที่ 7 ผมว่ามันปกติดี ราบรื่น เรียบ ๆ ครับ”
ฟาง “เรียบง่ายมากค่ะ ก็ดีค่ะ รู้จักกันมาหลายปีแล้วค่ะ”
ว่าน “เหมือนเป็นคำถามที่พี่ๆ เขายังไม่ถูกใจ แต่ไม่เป็นไร เพราะว่าเรื่องมันก็เป็นแบบนั้น (หัวเราะ)”

ฟาง ว่าน

แล้ว ว่าน กับ ฟาง เราคุยถึงอนาคตเรื่องชีวิตแต่งงานหรือยัง?

ว่าน “อันนี้ผมเคยอธิบายให้ฟังไปแล้วว่า เวลาคนเราคบกัน ยิ่งเวลาผ่านมานานเท่าไหร่ มันก็ต้องมองไปข้างหน้า แต่ผมก็ยังไม่ชัวร์ว่าวันไหน เมื่อไหร่กันนะ เพราะว่ามันก็เป็นเรื่องของคนสองคน สองครอบครัวที่ต้องคุยกันให้เข้าใจ”
ฟาง “รู้สึกแปลก ๆ เหมือนกัน เพิ่งเคยสัมภาษณ์แบบนี้ด้วยกัน”
ว่าน “ไม่แปลกค่ะ เขารู้กันหมดแล้ว”
ฟาง “(หัวเราะ)หมายความว่ายืนคู่กัน ได้ยินเขาพูดอยู่ข้าง ๆ แล้วเขาพูดถึงเรา เหมือนเราเป็นบุคคลที่ 3 อะไรแบบนี้”

แสดงว่านี่เป็นครั้งแรก ที่สัมภาษณ์คู่กันอย่างนี้? ว่าน “ครั้งแรกเลยครับ”

7 ปีกับผู้ชายคนนี้ เป็นยังไงบ้าง? ฟาง “ดีค่ะ เขาก็สม่ำเสมอ ตอนแรกน้อยยังไง ตอนนี้ก็น้อยอย่างนั้น (หัวเราะ) ไม่ ๆ เขาก็เป็นคนใส่ใจ ดูแลสม่ำเสมอ”

หลายท่านจะกล่าวว่าเราจะสดใสตลอดเวลาที่อยู่กับว่าน เนื่องจากเขาจะทำให้เรามีรอยยิ้มตลอด? ฟาง “เขาเป็นคนอารมณ์ดี อารมณ์ขัน จะเป็นคนกวน ๆ หน่อย แรก ๆ ก็ปรับตัวไม่ค่อยได้ ตอนนี้เข้าใจแล้ว บางทีเข้าหูซ้าย แล้วก็ทะลุไปหูขวาเลยไม่ต้องคิดเยอะ (หัวเราะ)”

เราเข้าใจเขายังไง? ฟาง “เข้าใจว่า โอเคเขาพูดแล้ว ก็ต้องหารก่อน เป็นระบบที่เข้าใจแล้ว แรก ๆ ก็จะงง ๆ นิดนึง เพราะว่าจะเชื่อเต็มร้อยเลย หลัง ๆ ก็จะ 50:50”

ความน่าไว้วางใจลดลงไปเลย? ฟาง “พี่เชื่อเขาไหม (หัวเราะ)”
ว่าน “เดี๋ยวผมจะแปลให้ฟัง คือบางทีผมพูดเล่น ติดพูดหยอก ติดตลก แล้วฟางเขาเป็นคนไม่ค่อยเข้าใจ อะไรที่ขำ ๆ เขาจะไม่เข้าใจแค่นั้น เขาก็บอกว่าตะกี้ก็พูดไม่จริงซิ เราก็บอกว่าไม่ใช่ เมื่อกี้มันแค่มุก คือเราโตมากับวิดีโอตลก แต่เขาไม่ไง”

พอเราไม่เข้าใจ มีงอนบ้างไหม? ฟาง “ไม่ได้เชิงงอน บางทีก็โมโห โกรธเขานิดหนึ่งว่าทำไมพูดจาไม่เพราะอย่างนี้ เขาก็บอกว่ามันเป็นมุก ตอนนี้เข้าใจแล้วว่ามันเป็นภาษาเขา จูนภาษานิดนึงรู้เรื่องแล้ว”

เวลาที่เขารวมกลุ่มกับเพื่อนเขาล่ะ เขาเป็นยังไงบ้าง?

ฟาง “เขาดูเรียบร้อยไปเลย (หัวเราะ) เข้าใจว่าเป็นภาษาการคุยที่ปกติเราจะไม่เคยเจอ พอเราไปซึมซับเรื่อย ๆ เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องปกติ เข้าใจได้ ตอนนี้ชินแล้ว”
ว่าน “ถ้าเจอ ป๊อบ โอ๊ต อ๊อฟ ว่าน พร้อมกันได้ อยู่ที่ไหนก็ได้แล้ว”
ฟาง “ถ้าคบกันแค่ปีเดียว แล้วเจอแบบนั้นอาจจะช็อกนิดนึง แต่ตอนนี้ 7 ปีแล้ว เราก็ปรับตัวได้แล้ว เคยเจอพี่ๆ เขาครบแล้ว จริงๆ พี่ๆ เขาเรียบร้อยกว่าที่เขาออกสื่อนะคะ ยังไม่เคยเจอแบบทำเราน็อก เพราะว่าพอเราไปเขาก็จะซอฟต์ลงหน่อย”

7 ปี กลัวอาถรรพ์ไหม? ว่าน “ผมเพิ่งคุยกับฟางไปเรื่องนี้ ว่าผมเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงเป็นอาถรรพ์รัก 7 ปี เดานะ เพราะมันมาถึงจุดที่มีความสัมพันธ์ที่รู้จักกันประมาณหนึ่ง ที่พอรู้แล้วว่าอะไรที่มันเป็นเรื่องน่าเบื่อที่เราจะต้องเจอ เรื่องที่เขาเป็นอย่างนี้แหละ เรื่องเข้าห้องน้ำนาน เรื่องทำเล็บนาน เป็นเรื่องที่เราคุ้นชินแล้ว

จุดโค้งนี้ ถ้าใครข้ามเรื่องน่าเบื่อนี้ไปได้ มันก็จะไปต่อ แต่ถ้ารู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว เบื่อระอา ก็จะหยุดความสัมพันธ์ไป เลยเข้าใจว่าปีที่ 7 มันมีความรู้สึกนี้เกิดขึ้น ความรู้สึกเหมือนเดิม คนเดิม พฤติกรรมเดิม เป็นนิสัยที่เราต้องเจอแบบนี้ไปตลอด ซึ่งผมก็เฉยๆ นะ เพราะว่ามันก็เหมือนเดิม”
ฟาง “อาถรรพ์เลข 7 จริง ๆ ได้ยินมาสักพักแล้ว แต่ไม่ได้คิดอะไร เพราะว่าฟางไม่ค่อยนับ ตอนนี้ก็โอเคค่ะ”

พวกเราไม่เชื่อเรื่องเหล่านี้? ฟาง “ไม่ใช่ไม่เชื่อ เราสองคนไม่ได้ตั้งใจนับว่ากี่วัน กี่เดือน กี่ปี ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ ฟางว่าถ้ามันไม่ดี ไม่ต้องถึง 7 ปี มันก็จะไม่ดีได้”

เวียร์ ศุกลวัฒน์

"เวียร์" เล่าไปยิ้มไป บทบาทคุณพ่อป้ายแดง เหนื่อยแต่ว่าแฮปปี้มากมาย

ขึ้นแท่นคุณพ่อป้ายแดง ที่เห่อลูกสาวแบบสุด ๆ สำหรับดารานำชายหนุ่ม เวียร์-ศุกลวัฒน์ คณารศ ที่ปัจจุบันนี้เรียกได้ว่า ทุกพื้นที่ของชีวิต มีแต่ น้องวิริน และเมียสาว วิกกี้ พีมนต์ญา ครองไว้หมดแล้ว

ล่าสุด เวียร์ ศุกลวัฒน์ ได้เดินทางมาร่วมงานเปิดตัว บริษัท มดแดง มีเดีย จำกัด จึงได้ถือโอกาส ออกมาอัปเดต ความสุข ให้แฟนคลับได้ฟังกัน ซึ่งเจ้าตัวเล่าไปยิ้มไป ถึงการเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง เนื่องจากความแฮปปี้สุด ๆ

เวลาช้อปปิ้งในตอนนี้ ของลูก กี่เปอร์เซ็นต์ ?
“เมื่อก่อนของตัวเอง 100 เปอร์เซ็นต์ ตอนนี้ของลูก 100 เปอร์เซ็นต์เลยครับ ชีวิตเปลี่ยนไปมาก เบาเลยครับ ของลูกก็เบา กระเป๋าของพ่อก็เบา แต่มีความสุขครับ”

“เดี๋ยวนี้รู้เรื่องของเด็กเยอะมาก และรู้สึกว่าสนุกครับ พอเรามีความรู้ คนก็จะมาถามเรา เราสามารถแนะนำได้ อันไหนไม่ใช่เราก็ส่งต่อให้เพื่อนๆ”

เห็นกล่าวว่า งานพรีเซ็นเตอร์ ก็เริ่มเข้ามาหาน้อง แล้วใช่ไหม ?
“ก็นิด ๆ หน่อย ๆ ยังไม่ได้ขนาดนั้นครับ จะเป็นแนวรีวิวของคุณแม่ ของที่เหมาะกับน้องวิรินก็ส่งมาให้ ถ้ามีเวลาเราก็จับใส่ ถ่ายรูป ช่วยกันขายของ”

ยังไม่มีพรีเซ็นเตอร์ เป็นโฆษณาติดต่อมา ใช่ไหม ?
“ยัง ๆ (ยกมือไหว้) ได้นะครับ (หัวเราะ) อนุญาตครับ แต่เดี๋ยวรอให้คอเขาแข็งแรง ออกไปข้างนอกได้ ก็คิดว่าน่าจะเริ่มแหละ ถ้ามีใครสนใจจริง ๆ เราก็ได้อยู่แล้ว”

เวียร์ ครอบครัว

มีความหมายว่า คุณ เวียร์ เตรียมตัวปั้นแล้ว ?

“ครับ ติดคุณพ่อไปด้วยนะ (หัวเราะ) ขายทั้งบ้านเลยครับ คุณพ่อ คุณแม่ และคุณลูก ซื้อลูกแถมพ่อแถมแม่ (หัวเราะ)”

นาฬิกาชีวิตเราเอง ก็เปลี่ยนเหมือนกัน ?
“เชื่อแล้วครับ ที่เขาบอกว่าช่วง 3 เดือนแรกจะเป็นช่วงที่ยากลำบากหน่อย อาจจะมีการปรับตัว ซึ่งเราอาจจะยังไม่ได้ชิน เพราะเราก็มือใหม่มากกันทั้งคู่ แต่มันก็เป็นช่วงเวลาที่สนุกและก็มีความสุขนะ ตอนแรกเราคิดว่ามันคงไม่เท่าไหร่ แต่เอาจริง ๆ มันก็เหนื่อยมากนะครับ แต่ผมเชื่อแล้วที่ทุกคนบอกว่าถ้าเลี้ยงเองได้นะ มันเป็นช่วงเวลาที่ต้องจดจำโมเมนต์นี้ไปเยอะ ๆ เพราะมันมีแค่ครั้งนี้แหละ และพอเดี๋ยวเขาโตขึ้นก็จะเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง”

“โมเมนต์นี้เขาอาจจะร้องบ่อยหน่อย หิวนมบ่อย ดึงพลังชีวิตพ่อแม่ไปเยอะมาก แต่มันก็สนุก มีความสุข มันได้เห็นพัฒนาการ เขาอาจจะมองไม่เห็นในตอนนี้ แต่เราจะรู้ว่าเขาเป็นยังไง เขาเริ่มมีความคิด เริ่มฉลาด เราก็จะช่วยกันเลี้ยง 2 คนเลย ไม่มีใครช่วยเลย”

แบ่งหน้าที่ กันอย่างไร ?
“สลับ ๆ กัน ผมเป็นลูกมือคอยช่วยทุกอย่างแหละ บางทีคุณแม่อาจจะต้องไปอาบน้ำ หรือไปทำกิจกรรมส่วนตัวของเขา ต้องสลับมือกันได้ ลูกก็จะรู้ว่าอันนี้คุณพ่อ อันนี้คุณแม่”

“เริ่มคล่องแล้วครับ เด็ก ๆ ช่วงนี้จะเริ่มติดไออุ่น เราไม่คิดหรอกว่าเขาติดมือหรืออะไร แต่ไม่ใช่หรอก คือโลกนี้มันใหญ่เนอะ อยู่ในท้องมันเล็ก ๆ ไม่ได้มีอะไรน่ากลัว พอออกมาเขาก็ยังโหวง ๆ มีผวาบ้างแต่พออยู่ใกล้เราปุ๊บ เขาหยุดเลยนะ แปลก วางปุ๊บคือร้องเลยนะ”

“พอเราหาข้อมูลดูพบคำแนะนำว่า ถ้าเขาอยากให้อุ้มก็อุ้มเขาไปเถอะ ช่วงนี้เป็นช่วงสั้น ๆ เดี๋ยวพอเขารู้ว่าเขาเริ่มมีตัวตน อีก 3 เดือน เขาจะเริ่มกินเป็นเวลาขึ้น นอนเป็นเวลาขึ้น เราก็จะสบายขึ้น”

ใครเอาอยู่ ที่สุด ?
“ผมว่าคุณแม่น่าจะเอาอยู่ที่สุด ด้วยความที่เขาเข้าเต้ากันตลอด จากคุณแม่โดยตรงเลย เราก็อยากให้เขากินจากเต้าของคุณแม่ให้ไปได้นานที่สุด”

 

ล่าสุดเห็น วิกกี้ ตัดผมสั้นเลย มันคือเอฟเฟกต์จากการคลอดลูก ด้วยหรือเปล่า ?

“ไม่ครับ เขาอยากตัดเอง เพราะเขารู้สึกว่าระหว่างที่เขาไดร์ผม มันควรจะเอาไปทำอย่างอื่น มันใช้เวลานาน อาจจะเอาไปปั๊มนม ไปเลี้ยงลูก ถ้าผมสั้น ๆ แห้งไว ๆ ทรงเดียวกับพ่อกับลูก จบ เขารู้สึกว่ามันคล่องตัว”

พอตัดลุคนี้ออกมาแล้ว เป็นอย่างไรกันบ้าง ?
“เหมือนมีน้องชายอยู่ที่บ้าน ตอนตัดเราก็อยู่ด้วย จริง ๆ ผมส่งภาพตัวอย่างสั้นกว่านี้อีกนะ ไถแบบข้างหลังเกรียน เหลือข้างหน้านิดหน่อย เขาบอกโหดไปค่ะ เอาประมาณนี้แล้วกัน ซึ่งตัดออกมาแล้วผมว่าก็ดีนะ เปลียนลุคเขาด้วย ตอนแรกลูกก็จำไม่ได้นะ ลูกมองหน้า แต่พอเห็นเต้าก็ อ่อ แม่”

อนุญาตให้เพื่อน ๆ เข้าไปเยี่ยมหลาน ได้หรือยัง ?
“ส่วนใหญ่เพื่อน ๆ ถ้าจะมา ขนาดคนในครอบครัวยังต้องตรวจ ATK เอาจริง ๆ แค่เป็นหวัดนิด ๆ หน่อย เขาก็ไม่ค่อยกล้าเข้ามากันแล้ว เขาจะรอ ส่วนใหญ่เพื่อน ๆ หลายคนมีลูก เขาก็จะเข้าใจ บอกว่ารอให้แข็งแรงก่อนนะ ให้ทุกอย่างเริ่มเซ็ทตัวแล้ว เดี๋ยวคงค่อย ๆ ทยอยกันมา”

สิ่งที่ดารา จำต้องพบแทบทุกคนเลยก็คือ คนมันจะมาช่วยเลี้ยงลูกทางโซเชียล เตรียมรับมือกับประเด็นนี้ ยังไงบ้าง ?
“จริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องปกติ ซึ่งเราไม่รู้นะว่าเขามีหรือยังไม่มี แต่ทุกคนก็มีความคิดเห็นต่าง ๆ ซึ่งเรามองว่าอันไหนที่มันเป็นข้อมูล เราก็ศึกษาต่อว่าจริง ไม่จริง แบบนี้มันดี หรือไม่ดี ง่ายสุดเลยนะ คือผมมีเบอร์โทรศัพท์ของคุณหมอที่เป็นคุณหมอประจำของวิริน ผมก็โทรถามเลย มันไม่ได้มีหลักตายตัวเลย อยู่ที่แต่ละครอบครัวเลี้ยงและตัดสินใจว่าจะทำแบบนี้ ๆ อันไหนโอเคไม่โอเค หมอจะบอกเลย”

“อย่างการเดินทาง จริง ๆ เดินทางได้ทุกช่วงอายุนะที่หมอบอก แต่ช่วงอายุที่แนะนำคือ 3 เดือน 4 เดือน ซึ่งสุดท้ายแล้วคนที่เลี้ยงลูกก็คือเรา”

แม่คลอดลูกมา มีสภาวะซึมเศร้า หลังจากคลอด หรืออารมณ์สวิงบ้างไหม ?
“ยังไม่เห็นนะ ไม่มีเลย คือเราคุยกันตั้งแต่แรกแล้วว่า จริง ๆ มันเป็นช่วงเวลาที่ลำบาก เพราะเราใหม่กันมาก สิ่งสำคัญที่เราจะเลี้ยงลูกให้ดีได้ คือเราต้องรัก และเข้าใจกันให้มาก เหมือนทุกอย่างมันต้องเบาอะ เพราะทุกคนมีอารมณ์อยู่แล้วไง ไม่ใช่แม่อย่างเดียว บางทีพ่อออกจากบ้านทุกวัน ต้องถ่ายละคร ถ่ายหนัง ถ่ายซีรีส์ แต่ต้องมาติดอยู่ในบ้านกับลูก โอเคจริง ๆ ก็อยากเลี้ยงแหละ แต่มันก็มีมุมหนึ่งที่อยากจะออกจากบ้านบ้าง แต่เราก็พยายามคิดว่าแป๊บนึง อีกนิดนึงนะพวกเราทั้งคู่ใจเย็น ๆ เดี๋ยวพอเขาแข็งแรงค่อยเต็มที่เลย พาไปด้วยกันหมดนั่นแหละ ลุย”

เวลาเลี้ยงลูก จะต้องมีเสียงสอง คุยกันไหม ?
“มีตอนช่วงเล่านิทานอะไรแบบนี้ จริง ๆ มันก็แล้วแต่นะ ร้องเพลงทั้งวันอะผมเพลงเด็ก ๆ ร้องไปเรื่อยเปื่อย ซึ่งไม่รู้ว่าเขารู้เรื่องหรือไม่รู้เรื่องนะ คือเด็กมันมีช่วงเวลาที่เขาเหมือนจะไม่รู้เรื่องหรอก ตาก็จะยังไม่ค่อยโฟกัส แต่จริง ๆ คือเขารู้หมด เราก็พูดกับเขาไปเรื่อย”

“ตอนแรก ๆ ผมก็ยังไม่กล้าพูดเนอะ เหมือนเราพูดคนเดียวอะ แต่พอหันไปเห็นแฟนพูดทั้งวันเลย พูดกับลูกทั้งวัน เขาอาจจะไม่ได้ตอบเรา แต่เขารู้ เล่าให้เขาฟังว่าทำอะไรกันบ้าง ก็เล่าทั้งวัน สนุกดี”

มีแย่งความเหมือน ของลูก กับภรรยาบ้างไหม ?
“คุณวิกกี้เขาพูดเองครับ ว่าเหมือนเวียร์เล็ก เหมือนเวียร์น้อย บางทีเขามองลูก และหันมามองเรา เขาก็บอกเหมือนอุ้มเธออยู่ เราก็บอก เธอพูดเองนะ (ยิ้ม) เราก็ภูมิใจครับ แต่เด็กหน้าเขาก็จะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ หลายครอบครัวตอนเด็กจะเหมือนพ่อ พอโตเป็นสาวจะไปเหมือนแม่ เราก็ได้หมด เพราะเขาเป็นลูกเรา”

เขาบอกกันว่า ถ้าหากลูกผู้หญิง หน้าเหมือนพ่อ แล้วจะสวย ?
“(ยิ้ม) พูดได้ดี ขอบคุณครับ”

พ่อเตรียมตัวหวงได้เลย ?
“ได้เลย ไว้หนวดไว้แล้ว”

แฟนคลับของพ่อตามไปเป็นเอฟซีต่อจากคุณลูกก็เยอะ ?
“ขอบคุณนะครับที่เอ็นดูน้องวิรินและครอบครัวคณารศของเรา ทุกคนเข้ามาคอยชื่นชม มาติดตามความเคลื่อนไหว การเจริญเติบโตของครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวนี้ เราก็ดีใจนะครับ รู้สึกว่ามันก็เป็นอีกก้าวหนึ่งในชีวิตเนอะของการมีครอบครัว เราเป็นคนที่อยู่ในพื้นที่สว่าง เรารู้แหละว่าต้องอยู่กับมันยังไง เราก็ขอบคุณพี่ๆ ทุกคนด้วยนะครับ ขอบคุณพี่ๆ ในวงการ แฟนๆ ที่คอยเข้ามาสนับสนุนพวกเรา เอ็นดูน้อง”

“ก็คอยติดตามไปเรื่อยๆ ครับ วันๆ ผมไม่รู้จะทำอะไร ก็ถ่ายแต่รูปลูก รูปไหนออกไม่ได้ก็เก็บไว้ดูเอง รูปไหนออกได้ก็โพสต์ ให้พ่อๆ แม่ๆ ป้าๆ ที่รอดู อย่างแม่ผมอยู่อเมริกาจะถามตลอด เมื่อไหร่จะลงรูปอีก ส่งรูปมาให้หน่อย เขาก็จะคิดถึงของเขา อย่างฝั่งวิกกี้เองเขาจะมีไลน์กลุ่ม ก็ส่งรูปหลานเข้าไปในกรุ๊ปทุกวันๆ ก็สนุกครับ”

พอลล่า เทเลอร์

“พอลล่า” ประกาศเลิกสามี “เอ็ดเวิร์ด” ลดสถานะเหลือเพียงเพื่อน รวมทั้งพ่อแม่ของลูก ๆ

ไม่ค่อยเห็นภาพคู่สามี-ภรรยา กันมานานแล้ว ล่าสุด “พอลล่า เทเลอร์” ก็ประกาศผ่านไอจีสตอรี่ ว่าเวลานี้ เธอได้เลิกกับสามี “เอ็ดเวิร์ด บัทเทอรี่” สามีนักธุรกิจลูกครึ่งฮ่องกง-อังกฤษ มาสักระยะแล้ว

หลังแต่งงานใช้ชีวิตสามีภรรยาร่วมกันมาร่วม 12 ปี มีลูกร่วมกัน 3 คน โดยพอลล่าได้เผยข่าว ช็อกใจเอฟซี ผ่านสตอรี่ว่า

โดย พอลล่า ได้โพสต์ข้อความประกาศประเด็นนี้ผ่านสตอรี่ไอจีไว้ ว่า “With a heavy heart, I want to share that after time and careful consideration, Ed and I have decided to begin a new chapter -no longer as husband and wife.It has been a great journey. One that I will always be grateful for and we will always remain united in raising our beautiful children together.”

รวมทั้งเนื้อความต่อมา ที่เขียนเป็นภาษาไทยไว้ ว่า “วันนี้ พอลล่าอยากจะบอกทุกคน ว่า เอ็ด กับพอลล่า ไม่ได้อยู่ในสถานะสามีภรรยามาสัก ระยะแล้วนะคะ แต่ความรักในความเป็นเพื่อนและความเป็น พ่อและแม่ ของเด็ก ๆ ยังคงอยู่ขอบคุณทุกคนที่ เข้าใจและเป็นกำลังใจให้ ครอบครัวเราเสมอนะคะ”

พอลล่า ประกาศเลิกสามี

ซึ่ง พอลล่า ได้แต่งงานแต่งงานมาแล้ว 12 ปี และมีลูก ๆ ที่น่ารักน่าเอ็นดู ถึงสามคนร่วมกัน

ย้อนทางรัก 12 ปี “พอลล่า-เอ็ดเวิร์ด” ความรักเกิดเสมือนในหนัง แม้กระนั้นมิได้จบแฮปปี้เหมือนหนัง!

กลายเป็นข่าวช็อกใจแฟนๆอยู่ไม่น้อย กรณีที่ “พอลล่า เทเลอร์” ได้ออกมาประกาศว่าในเวลานี้ได้ยุติสถานะผัวเมียกับ “เอ็ดเวิร์ด บัทเทอรี่” ลงแล้ว เหลือแค่สถานะเพื่อน แล้วก็ บิดามารดาที่ดี ของลูก ทั้งๆที่ตลอดระเวลา 12 ปี ทั้งสองมีความรักที่น่าอิจฉา รวมทั้ง มีผู้สืบสกุลสุดน่ารักน่าเอ็นดูด้วยกันถึง 3 คน อย่าง น้องไลลา, ลูก้า และ ลูเอลล่า

ซึ่งถ้าหากย้อนรอยชีวิตรักสาวพอลล่า กับชายหนุ่มเอ็ดเวิร์ด นักธุรกิจลูกครึ่ง ฮ่องกง-อังกฤษ ความรักของทั้งคู่ เกิดจากพี่สาวของฝ่ายชาย ที่เป็นแม่สื่อให้มาเจอกัน โดยเจอกันคราวแรก ทั้งสองก็มีความคิดว่าเป็นคนที่ใช่ ของกันและกันในทันที

พอลล่าคบหากับเอ็ดเวิร์ดได้ปีกว่า ๆ ฝ่ายหญิงก็ประกาศข่าวดี เตรียมสละโสด โดยจัดพิธีหมั้นหมายต้นปี 2553 จดทะเบียนสมรส 6 ธ.ค. 2553 รวมทั้ง จัดพิธีฉลองสมรสในวันที่ 22 ธันวาคม 2553

ในงานแต่ง เอ็ดเวิร์ดได้เล่าว่า ยากที่จะชี้แจงความรู้สึกได้ ตนมองหาคนแบบพอลล่ามานาน ดีอกดีใจที่ได้ใช้ชีวิตด้วยกัน การสมรสครั้งนี้ เอ็ดเวิร์ดยังได้บอกคำว่า “การแต่งงานครั้งนี้ จะมีแค่ครั้งเดียว” ช่วงเวลาที่สาวพอลล่าก็เผยว่า มีความสุขที่สุด ที่วันนี้เจ้าบ่าวคือเอ็ดเวิร์ด มันเป็นคำอธิบายยากมากมาย ไม่มีในดิกชันนารี แต่เป็นแบบในหนัง ที่เจอกัน และก็ชอบกันเลย ซึ่งหลังจากสมรสแล้ว พอลล่าก็ได้ย้ายไปอยู่กับสามีที่ฮ่องกง กระทั่งมีลูกร่วมกัน 3 คน ก่อนย้ายไปอยู่ที่อังกฤษ

ครอบครัว พอลล่า

เรื่องราวของทั้งสอง แฟนคลับได้รับรู้ผ่านอินสตาแกรม โดยแฟนคลับติดตามภาพลูก ๆ ในอินสตาแกรมเสมอๆ

และก็การกลับมาเยือนบ้านเกิด ได้เจอผู้รายงานข่าว แล้วก็ได้อัปเดตเรื่องราวชีวิตเป็นครั้งเป็นคราว โดยระหว่างทาง 12 ปี  มีกระแสข่าวลือเตียงหัก 2 ครั้ง

โดยในปี 55 พอลล่า ได้ออกมาโต้ว่าข่าวลือเตียงหัก รักร้าวไม่เป็นความจริง พร้อมบอกขำ ๆ ว่าค่อนข้างงง ด้วยเหตุว่า หลังจากมีข่าวสารเตียงหัก ก็มีข่าวว่าท้องลูกคนที่ 2 ซึ่งไม่ใช่ข้อเท็จจริง

ทิ้งช่วงไปยาวนานหลายปี ในปี 60 พอลล่ากับเอ็ดเวิร์ด ได้จูงมือมาจัดการข่าวลือเตียงหักอีกครั้ง โดยเปิดเผยว่าไม่ทราบข่าวนี้มาก่อน เพราะมิได้อยู่ประเทศไทย ไม่เครียด ด้วยเหตุว่าจะต้องมีข่าวแบบนี้อยู่เรื่อย และไม่ต้องสยบข่าวเม้าธ์อะไร ไม่ซีเรียส คอนเฟิร์มว่าขาเตียงยังแข็งแรง

แต่ล่าสุดวันนี้ (17 เดือนมกราคม 2566) พอลล่าก็ทำแฟนๆจะต้องเซอร์ไพรส์ รวมทั้ง ช็อกไปตาม ๆ กัน หลังจากออกมาประกาศว่า ได้เลิกรากันแล้ว สิ้นสุดชีวิตสามีภรรยาที่อยู่ด้วยกันมานานถึง 12 ปี ท่ามกลางความเสียดายของแฟนๆ

เบลล่ า กับคุณแม่

“เบลล่า-ราณี” เปิดเผยเพื่อน ๆ ขยันชง! ส่งโปรไฟล์ผู้ชายให้เลือก เดี๋ยวนี้แฮปปี้

ถือได้ว่าเป็นการเริ่มปี ที่ดี สำหรับนางเอกสาว เบลล่า-ราณี ที่เพิ่งจะจัดงานขึ้นบ้านใหม่ และ วันเกิดที่ผ่านมา คุณแม่ปราณี ก็ทำเซอร์ไพรส์ ซื้อที่ดินให้เป็นของขวัญอีก พอเจอสาว เบลล่า ที่งาน “Surprisingly Bata Cinderbella” ในฐานะ แบรนด์แอมบาสซาเดอร์ เลยได้คุยเกี่ยวกับหัวข้อนี้

ขอถามวันเกิดที่ผ่านมา?

“ก็ดีค่ะ ค่อนข้างเรียบง่าย ไปทำบุญ ที่วัดเลย ชวนแฟนคลับไปด้วย เขาก็เซอร์ไพรส์ให้ จัดงานเล็ก ๆ มีฟู้ดทรัก เป็นวันที่ดี กับบรรยากาศที่ดี แฟน ๆ ก็คิดถึงแหละ ก็ไม่ได้มีเวลา ออกมาอีเวนต์ด้วย แฟน ๆ ก็เลยแบบ ขอเจอหน่อยนึง ไหน ๆ ก็วันเกิด ใกล้จะปีใหม่แล้ว”

ปีนี้ได้เป่าเค้ก หลายก้อนเลย?

“หลายก้อนมาก ๆ มาหลายปีแล้ว (หัวเราะ) ไม่ได้นับว่าเท่าไร แต่ของขวัญ ยังไม่ได้แกะเลยค่ะ สำหรับของขวัญ ให้ตัวเอง ยังไม่มีเลยค่ะ เพราะเบลก่อนหน้านั้น ไปทำงานที่ญี่ปุ่น ก็ชวน และพาคุณแม่ไปเที่ยวต่อ ก็ถือว่าการได้ไปพักผ่อน ก็เป็นของขวัญ ของตัวเองแล้ว”

เบลล่า ทำบุญบ้าน

ของขวัญคุณแม่นี่คือ ปังมากมาย?

“ค่ะ (ยิ้ม) เป็นโฉนดที่ดิน ก็ได้ทั้งเรื่องของการลงทุน และ เป็นทรัพย์สินด้วย เป็นที่ดินที่จังหวัดนครพนมค่ะ เพิ่งซื้อเมื่อต้นเดือนเลย แม่เอาเอกสารมาให้เบล ถามว่าเอกสารอะไรแม่ แล้วเบลจำหัวที่ดินได้ เพราะเบลเคยเซ็น อย่าบอกนะว่าซื้อที่ดินให้ อย่าบอกนะว่าเป็นของขวัญวันเกิด (ยิ้ม) แม่ก็ โอ๊ยเซ็ง ลูกรู้ดี แต่ก็เซอร์ไพรส์อยู่ดี เพราะได้มาเป็นโฉนดแล้ว”

เคยไปดูด้วยกัน ใช่ไหมผืนนี้?

“เคยไปดูด้วยกันค่ะ ส่วนมากที่เบลซื้อ คือพาแม่ไปช่วยตัดสินใจด้วย สำหรับที่ดินแปลงนี้ อยู่ติดริมโขง และขนาดที่ดิน ที่เรามองไว้ว่าเหมาะสม ไม่ใหญ่ไม่เล็กเกินไป ทำอะไรก็ได้ ถามว่าราคาเท่าไหร่ เบลไม่รู้เลย เพราะแม่เก็บเงิน”

แล้วคิดจะต่อยอด กับแปลงนี้ไหม?

“ยังไม่ได้คิดเลย ทีแรก ตั้งใจจะซื้อเป็นของขวัญ ให้แม่ แต่แม่ ชิงซื้อให้เรา เป็นชื่อเรา พื้นที่ก็ไม่ใหญ่ค่ะ 3 ไร่ค่ะ ถามว่าสะสมไว้กี่แปลงแล้ว ก็ไม่ได้นับเลยค่ะ ไม่ได้ขนาดว่า เป็นเศรษฐีที่ดินหรอก”

แล้วจะมีอะไร ให้แม่มั้ย?

“ไม่มีเลยเจ้าค่ะ (หัวเราะ) ปีนี้ยุ่งมาก ก็ให้ความรักแล้วกัน อย่างปีใหม่ ก็ไม่ได้ไปเที่ยวไหนแล้ว อยู่แต่บ้าน ผ่าฟันคุด เจ็บข้ามปีค่ะ เหงา ๆ”

ปีนี้แม่เปย์ เบลล่า หนักนะ?

“ใช่ค่ะ คงเห็นว่าเบลทำงานเยอะ ไม่มีเวลาใช้เงิน”

ยังมีบ้านใหม่ อีกใช่ไหม?

“บ้านใหม่ ความจริงจะเรียกว่า ใครซื้อเป็นของขวัญให้ใคร ไม่รู้หรอก แต่เบลซื้อให้แม่หลายปีแล้ว เพิ่งจะรีโนเวทเสร็จ เพิ่งได้ฤกษ์ย้าย อยู่ละแวกเดิมค่ะเพราะว่าชิน ตอนนี้ยังเหลือเก็บของไว้ ก็ว่าจะอยู่ทั้ง 2 หลัง เพราะอยู่ใกล้กัน ส่วนค่ารีโนเวทบ้าน ก็หมดเยอะค่ะ มันงอกขึ้นมาเรื่อย มีแก้มีเปลี่ยนผู้รับเหมาด้วย หลายอย่างค่ะ แต่ออกมาก็สมใจค่ะ เบลไม่ชอบบ้านที่ใหญ่มาก แบบนี้อบอุ่น”

บ้านใหม่ ถูกใจอะไรมากมายสุด?

“ห้องแต่งตัว อย่างมาสเตอร์เบดรูม ก็คือเอาเตียงออกแล้ว เอาตู้เสื้อผ้าใส่เข้าไป เป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดของบ้าน ตู้สามารถเก็บได้เยอะมาก แต่ตอนนี้ก็เต็มแล้วค่ะ ตอนแรกที่ยังไม่ได้ซื้อบ้านนี้ เบลลังเลว่า หรือเราจะซื้อโกดัง เอาไว้เก็บของ (หัวเราะ) แต่ก็เอาบ้านแล้วกัน”

ทำงานเยอะมาก จนคนถาม เอาเงินไปเก็บไว้ที่ไหน?

“เบลก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน (หัวเราะ) เบลรักในงานที่ทำด้วยล่ะ แล้วโอกาสมันมา แต่ปีนี้จะจัดสรรเวลาแล้ว จะไม่ทำงานอย่างเดียว แบบนี้แล้ว มันเป็นสิ่งที่นอกเหนือ จากการถ่ายละคร อย่างช่วงปีใหม่ ได้นอนวันละ 3 ชั่วโมง 5 ชั่วโมง แล้วตอนปีใหม่ ก็ตั้งใจเลย ว่าจะอยู่บ้าน ก็เลยไม่เจอเพื่อน แล้วไปผ่าฟันคุด โอ้โหเกือบแอดมิต เจ็บมาก ผ่าบนล่าง พร้อมกัน อักเสบมาก แพ้ยาอะไรอีก เลือดไหลไม่หยุด แทนที่จะได้พักผ่อน คือปวดฟัน นี่เพิ่งหาย”.

Miss Universe 2022

“แอนนา เสืองามเอี่ยม” สวยงามคำราม ประมวลภาพรอบพรีลิมฯ Miss Universe 2022

สวยงามสง่าอิลิแกนซ์ ! “แอนนา เสืองามเอี่ยม” สวยสับ เดินอย่างแน่ใจ ในชุดว่ายน้ำ รอบพรีลิมมินารี Miss Universe 2022 ที่ นิวออร์ลีนส์ อเมริกา

วันนี้ 12 ม.ค. 2566 เปิดศึกจักรวาล Miss Universe 2022 รอบพรีลิมมินารี งานนี้ตัวแทน สายสะพายไทยแลนด์ “แอนนา เสืองามเอี่ยม” ไม่ทำให้แฟนคลับผิดหวัง เปิดตัวอย่างว้าว ในรอบแนะนำตัว ก่อนจะเดินสวยสับแตก มาในรอบชุดว่ายน้ำ แล้วก็ จบท้ายแบบแฟนนางงามตายตาหลับ ในชุดราตรี ที่สวยสะพรึง ไม่อาจละสายตา

ทั้งนี้ ช่วงเช้า วันที่ 12 มกราคม 2566 ก่อนที่จะถึงเวลาประกวด รอบคัดเลือก (Preliminary Competition) แล้วก็ รอบชุดประจำชาติ (National Costume) Miss Universe 2022

แอนนา เสืองามเอี่ยม

“แอนนา” ได้โพสต์ข้อความ ลงเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า

“พร้อมแล้วค่ะ พร้อมทำหน้าที่นี้ ด้วยความสุข ความภาคภูมิใจ และจะทำออกมาให้สมศักดิ์ศรี สายสะพายประเทศไทย ที่คล้องอยู่บนตัวแอนนาในวันนี้ แน่นอน THAILAND”

มาถึงแล้ว สำหรับในการแข่งขัน รอบคัดเลือก (Preliminary Competition) และ รอบชุดประจำชาติ (National Costume) ใน “มิสยูนิเวิร์ส2022” (Miss Universe 2022) โดยชุดประจำชาติปีนี้ “แอนนา เสืองามเอี่ยม” ตัวแทนประเทศไทย มาในชุด “สงกรานต์เทวี” (Songkran Devi) ที่ได้แรงบันดาลใจ จากนางสงกรานต์ประจำปี 2566 “นางกิมิทาเทวี” เป็น 1 ในเทพธิดา ทั้ง 7 ของท้าวกบิลพรหมที่เป็นเอกลักษณ์ ของเทศกาลวันสงกรานต์

ลวดลายของชุดได้แรงบันดาลใจ มาจากหัตถศิลป์ หัตถกรรม ผ้าทอโบราณ “ผ้าทอลายน้ำไหล” ประดับตกแต่งด้วยงานปัก ลูกปัด คริสตัล เลื่อม และก็ ขวดน้ำที่เหลือใช้ จากการบริโภค นำมาประยุกต์ให้มีความล้ำยุค

“ขันเงิน” ที่ถือในมือนั้น สื่อถึงการรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ เล่นน้ำ หรือใช้ในชีวิตประจำวัน สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณี ที่สืบทอดต่อกันมา อย่างนาน

ร่วมเชียร์ “แอนนา” ให้ถึงฝันกับ #มงสาม ที่รอคอย พร้อมลุ้นว่า ใครจะได้ครองมงกุฎ Miss Universe 2022 ไปด้วยกัน ในวันที่ 15 ม.ค. 2565 ตามเวลาในประเทศไทย ตั้งแต่ 7.00 น. ถ่ายทอดสดผ่านช่อง JKN183

แอนนา เสือ
เปิดความหมายชุดราตรี “แอนนา เสืองามเอี่ยม” ทำจากฝากระป๋องอลูมิเนียม

โชนแสงเพชรประกายภายใต้จักรวาล ‘Hidden Precious Diamond Dress’ จากเรื่องราวแรงบันดาลใจของ ‘แอนนา เสือ’ สู่ชุดราตรีเพื่อคว้ามงสาม

“อย่ายึดมั่นว่าเราเกิดมาจากอะไร แต่จงยึดมั่นว่าเราเปลี่ยนแปลงชีวิตได้ด้วยพลังของเรา” ประโยคสร้างแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่ของ แอนนา เสือMiss Universe Thailand 2022 สู่การสรรสร้างชุดราตรีประจำประเทศไทยบนเวทีจักรวาล ภายใต้แนวคิด ‘Hidden Precious Diamond Dress’ ความงามของเพชรอันล้ำค่าที่ถูกซ่อน พร้อมโชนแสงเปล่งประกาย ผ่านการตัดเย็บอย่างอันประณีตโดยแบรนด์ MANIRAT

ด้วยความรักและเคารพในบุพการีซึ่งรับหน้าที่รักษาความสะอาดให้มหานครอันยิ่งใหญ่อย่างกรุงเทพฯ จากการอบรมสั่งสอนโดยแม่ชีคุณทวดที่ถือศีลภาวนาภายใต้บวรพระพุทธศาสนา พร้อมความมุมานะพยายามอย่างไม่สิ้นหวัง หลอมรวมเป็นพลังนำไปสู่ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของเพชรเม็ดงามนามว่า แอนนา  ที่ผ่านการเจียระไนจนได้รับตำแหน่ง Miss Universe Thailand 2022 เป็นตัวแทนประเทศไทยในการประกวด Miss Universe 2022

จากเรื่องราวของ แอนนา ได้ถูกถ่ายทอดออกมาเป็น Hidden Precious Diamond Dress ชุดราตรีที่บอกเล่าชีวิตและตัวตนของแอนนา ผ่านการนำฝากระป๋องอลูมิเนียมซึ่งเป็นวัสดุเหลือใช้มารังสรรค์ให้งดงามด้วยเทคนิค Jewelery Detail พร้อมตกแต่งด้วยเพชรจาก Swarovki ถักทอร้อยเรียงเป็นชุดราตรีที่สมบูรณ์แบบ เปล่งประกายจรัสแสงสู่สายตาชาวโลก

สรรค์สร้างการออกแบบ และตัดเย็บ โดย อาริฟ เจ๊ะหวาง จากแบรนด์ MANIRAT

ร่วมเชียร์ “แอนนา เสือ” ให้ถึงฝันกับ #มงสาม ที่รอคอย พร้อมลุ้นว่าใครจะได้ครองมงกุฎ Miss Universe 2022 ไปด้วยกันในวันที่ 15 มกราคม 2565 ตามเวลาประเทศไทย ตั้งแต่ 7.00 น. ถ่ายทอดสดผ่านช่อง JKN18

พิธีหมั้น วาววา ณิชชา

"วาววา" เล่าโมเมนต์พิธีหมั้นที่นิวซีแลนด์ ขอรอคอยฤกษ์แต่ง-มีลูกตามความเชื่อถือ

ความรักสุขงอม เตรียมเข้าประตูสมรสอีกคน สำหรับว่าที่เจ้าสาว วาววา ณิชชา โชคประจักษ์ชัด หลังแชร์โมเมนต์ ชื่นบาน

แฟนหนุ่มชาวต่างชาติ เฮนนี่ เรน แอบทำเซอร์ไพรส์ ขอแต่งงาน และ จัดพิธีหมั้นหมาย ในบรรยากาศอบอุ่น พร้อมหน้าครอบครัวฝ่ายชาย ที่ประเทศนิวซีแลนด์ เมื่อช่วงปลายที่ผ่านมา

วาววา ณิชชา เฮนนี่ เรน

เมื่อมีโอกาส เจอนักแสดงสาว วาววา ณิชชา

ในงานบวงสรวงCLUB FRIDAY THE SERIES 14 LOVE&BELIEF จึงได้คุย ถึงโมเมนต์ สุดโรแมนติก ที่เกิดขึ้น

โดย วาววา เผยว่า “เป็นพิธีหมั้นค่ะ ที่นิวซีแลนด์ เป็นฤกษ์ ที่ไม่ได้แพลน แต่พอดีช่วงโควิด แฟนเราไม่ได้กลับไป ประมาณ 3 ปี พอได้เวลาออกนอกประเทศได้ ก็กลับไป เขาก็เตรียมอะไรของเขามา เหมือนมีวัน ที่เขาคงเห็นว่ามันโรแมนติก เขาก็เลยขอ”

“ถามว่าเป็นพิธีที่เรารู้ตัวมั้ย หรือว่าเขาทำเซอร์ไพรส์ วาไม่รู้ตัว และ ยังไม่ค่อยพร้อมมาก งง ๆ ค่ะ คือวาย้ายไปอยู่พังงา เพื่อไปทำธุรกิจ กว่าทุกอย่างจะลงตัว และ กว่าจะได้กลับไป นิวซีแลนด์ กว่าจะได้เจอพ่อแม่เขา จะอีกเมื่อไหร่ ก็เลยอะ ก็ได้ค่ะ”

“บรรยากาศวันนั้น มันมีวันนึง ที่หนาวมาก เราไปที่โน่น ช่วงหิมะตกหนัก ด้วยความเราเป็นคนไทย และ ตื่นเต้น กับอากาศหนาว งั้นขอออกไปข้างนอก ตอนกลางคืน ประมาณห้าทุ่ม เขาบอกให้เราใส่ถุงมือสกี เราบอกใส่ทำไม เราใส่แจ็กเก็ตอยู่แล้ว เราไปอยู่บ้านพักตากอากาศ มันจะมีทะเลอยู่ข้างล่าง เลยไปเดินเล่นกัน เขาก็ควักแหวนออกมา แล้วขอค่ะ”

“ถามว่ามันปุ๊บปั๊บไปมั้ย จริง ๆ ก็คบกันมานาน ใจเราด้วยฤกษ์ขอ รออายุ 33 ไปก่อนนะ ด้วยความมูเตลู เราก็ขอรอนิดนึง แต่ว่าไม่เป็นไร ก็ได้อยู่ สถานะถูกตีตราจองไว้แล้ว ก็เฉย ๆ นะ รู้สึกปกติ มันเป็นแค่ สเตตัส ตอนที่เขาขอ เราก็ไม่ได้ตกใจ เพราะอย่างที่บอก คบกันมานานอยู่แล้ว ก็กลับมาเรียบร้อย แล้วค่อยบอก คุณแม่ก็เพิ่งรู้ทีหลัง”

“หลังจากสถานะเปลี่ยน เขาดูแลเราดีมากขึ้นกว่าเดิมมั้ย เขาก็ดูแลเรา เป็นครอบครัวเหมือน 100% มากขึ้น อย่างธุรกิจ ที่เราลงทุน ก็ซัพพอร์ตเยอะมาก ๆ เมื่อก่อนคบกันเป็นแฟน ก็ต่างคนต่างทำ แต่ตอนนี้ทุกอย่างที่ทำ ก็ทำเพื่ออนาคต ของเราสองคน ก็เหมือนเต็มที่มากขึ้น”

“ส่วนพิธีแต่งงาน ขอผ่านอายุ 33 ไปก่อนแล้วกันค่ะ ขอฤกษ์มูเตลูเรานิดนึง

ปีหน้า ๆ ประมาณเดือนกรกฎาคม เขาบอกหลังอายุ 33 คือชีวิตวาเจอมรสุมมาตลอด เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง เดี๋ยวโน่นนี่นั่น เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ดีก็ดีไม่สุด แต่หลังจากอายุ 33 จะดีแล้วนะ รอนิดนึง แต่ช่วงนี้ก็จะลำบากหน่อย ซึ่งก็ลำบากจริง”

“พิธีแต่งงานจัดสบาย ๆ น่าจะจัดที่พังงา แบบบีช ให้ทุกคนใส่บิกินีไป จะได้เป็นงานแต่งที่ ตื่นเต้นเร้าใจ ตอนนี้วาอยู่พังงาเป็นหลัก อย่างวันนี้มีงานบวงสรวง พรุ่งนี้มีถ่ายรายการ คือมา 2 วันแล้วก็กลับ สำหรับแพลนชีวิตหลังแต่งงาน จริง ๆ ตั้งแต่มีโควิดมา ก็รู้เลยว่า เราแพลนอะไรไม่ได้เลย ในชีวิตจริง ก็ดูไปเรื่อย ๆ แก้ปัญหาเป็นสเต็ปไป”

“ส่วนแพลนมีน้อง อยากมีปีนี้ด้วยซ้ำ แต่ว่าจะไม่ทันแล้ว เพราะปีนี้ปีกระต่าย สายมูอีกแล้ว ใครไม่เชื่อวาเชื่อ เพราะว่ามันตรงเหลือเกิน ความลำบากที่ผ่านมา จริง ๆ ควรมี ไม่ปีนี้ ก็อีกที 3 ปีเลย ต้องเป็นปีม้า ไม่ก็ปีแพะ ไม่ได้ซีเรียส ต้องแต่งก่อน หรือมีน้องก่อน จริง ๆ อยากมีแล้ว แต่กลัวไม่ทัน ถ้าทัน ต้องให้ทัน ภายในปีนี้ แต่มีละครอีก มันก็จะยากนิดนึง ก็มีคิดไว้ กำลังจะไปฝากไข่ค่ะ”